( โทร.091 192 2668 )
หลวงปู่ทวดหลังเตารีด วัดไทรใต้ นครสวรรค์ 2506
.....หลวงปู่ทวด วัดไทร นครสวรรค์ พุทธคุณโดดเด่น มีประสบการณ์มากมาย 
หลวงปู่ทวดหล่อหลังเตารีด วัดไทร ๒๕๐๖ มีทั้งเนื้อแดง และเนื้อเหลือง พระเนื้อแดงจะนิยมมากกว่า แม้ว่าจะสร้างและเสกนอกวัดช้างให้ แต่อาจารย์ทิมเมตตาเสกให้เช่นเดียวกัน จึงสบายใจได้ว่าพุทธคุณไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพระจากวัดช้างให้ในยุคเดียวกัน
.....ประวัติการสร้างบันทึกไว้ชัดเจน
วัดไทรใต้ เป็นวัดที่เก่าแก่ ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น ก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2350 เดิมมีชื่อว่า วัดไทรทอง ต่อมา มีการสร้างวัดทางทิศเหนือของวัดไทรทอง ชื่อว่า วัดไทรเหนือ วัดไทรทองจึงเปลี่ยนชื่อเป็น วัดไทรทองใต้ แต่ประชาชนเรียกว่า วัดไทรใต้ คำว่า ทอง หายไป วัดนี้เคยเป็นสำนักวิปัสสนามาก่อน และเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สองศาลากลางจังหวัดนครสวรรค์ ได้ย้ายมาตั้งที่วัดไทรใต้เป็นการชั่วคราว และสภาพเดิมเป็นชุมชนตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำปิงมีความอุดมสมบูรณ์
เป็นอย่างมาก ประชาชนเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา มีวัดจึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ วัดสมัยก่อนๆที่ตั้งริมแม่น้ำจะมีต้นไทรจำนวนมาก ชุมชนแถวนี้สมัยก่อนอยู่ริมน้ำจึงมีต้นไทรมากมายจึงเป็นที่มาของวัดไทร
.....พระครูนิเทศธรรมวิศิษฐ์(มณี) เจ้าอาวาสวัดไทรใต้ ได้อัญเชิญพระครูทิม แห่งวัดช้างให้ เดิน ทางมาร่วมพิธีเททองหล่อพระพุทธรูปหลวงพ่อโตองค์เล็ก ซึ่งจำลองมาจากองค์ประธานในโบสถ์ พร้อมกับสร้างองค์หลวงปู่ทวด ซึ่งเป็นรูปหล่อโลหะขนาดเท่าคนจริง ขึ้นอีกหนึ่งองค์(ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงปู่ทวดหลังโบสถ์) เพื่อให้ไว้เป็นที่สักการะบูชาและเป็นที่พึ่งแก่สาธุชนทั่วไปทางภาคเหนือ พร้อมกันนี้ก็ได้เททองหล่อพระพุทธรูปหลวงพ่อโตองค์เล็ก ซึ่งจำลองมาจากองค์ประธานในโบสถ์วัดไทรใต้นี้อีกด้วย
.....ในคราวนี้พระอาจารย์ทิม วัดช้างให้ ได้นำพระพิมพ์หลวงปู่ทวดเนื้อว่านที่สร้างเมื่อปี ๒๔๙๗ ทั้งพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก อีกทั้งพระหล่อหลวงปู่ทวดเนื้อโลหะผสมหลังเตารีดจากวัดช้างให้ มาเข้าพิธีพุทธาภิเษกอีกครั้งในปี พศ. ๒๕๐๖ ที่วัดไทรใต้นี้ด้วย แต่เนื่องจากพระมีจำนวนน้อยเกินไป จึงได้ทำการถอดพิมพ์(พิมพ์แบบที่สาม)และเททองหล่อเพิ่มเติมขึ้นอีกจำนวนนึง แลัวนำเข้าพิธีที่วัดไทรใต้ครั้งนี้ด้วย
.....ในงานพิธีใหญ่แบบนี้ นอกจากพระเครื่องหลวงปู่ทวด เนื้อว่านและเนื้อโลหะหล่อหลังเตารีดที่กล่าวถึงข้างต้นแล้ว ยังมีผ้ายันต์หลวงปู่ทวด พระเครื่อง พระบูชาหลวงปู่ทวดเนื้อปูนผสมผง และว่านขนาดต่าง ๆ รวมทั้งเหรียญปั้มเนื้อทองเหลืองอีกด้วย
.....หลังจากพุทธาภิเษก ทางวัดได้จัดงานเฉลิมฉลอง ๗ วัน ๗ คืน มีเกจิอาจารย์ ยุคนั้นเข้าร่วมพิธีจำนวนมาก อาธิ 
.....หลวงพ่อทิม วัดช้างให้ เจ้าพิธี 
.....หลวงพ่อพรหม วัดซ่องแค นครสวรรค์ 
.....หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา 
นับว่ารวมสุดยอดเกจิอาจารย์มาร่วมกันปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดรุ่นนี้ได้เข้มขลังน่านับถือศรัทธายิ่งนัก.....
วัตถุมงคลที่จัดสร้างในปี2506 ที่เป็นหลวงพ่อทวด มีดังนี้
....พระบูชา สร้างมา2ขนาด คือ หน้าตัก5นิ้ว และ หน้าตัก7นิ้ว
หลวงปู่ทวดหลังเตารีดวัดไทร มีด้วยกัน 2 พิมพ์คือ 
หน้าหนุ่ม และ หน้าแก
...หลังเตารีดพิมพ์หน้าหนุ่ม เป็นพิมพ์ที่ใกล่้เคียงกับวัดช้างให้ เนื้อโลหะผสม สร้างน้อยเป็นพิมพ์นิยม
หลักการพิจารณาของหลังเตารีดวัดไทรก็คล้ายๆกับวัดช้างให้ 
พิจารณาพิมพ์ รอยตะไบ ยาดำที่นำมาเคลือบผิวไม่ใช่รมดำ
พิมพ์หน้าแก่ เอกลักษณ์ของพิมพ์นี้ที่ให้พิจารณาคือ..พระพิมพ์นี้มีแต่เนื้อทองเหลือง..พิมพ์พระ..พื้นผิว..ยาดำ..รอยรอยตะ

หลวงปู่ทวดเกิดเมื่อปีพ.ศ. 2125 ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา เดิมชื่อ "ปู" ในวันที่ท่านถือกำเนิดได้เกิดปรากฏการณ์มหัศจรรย์คือแผ่นดินไหว บิดาจึงนำรกไปฝังไว้ที่โคนต้นเลียบ ปัจจุบันเจริญ งอกงามใหญ่โตกว่าต้นไม้ปรกติ เป็นที่เคารพกราบไหว้ของชาวบ้านทั่วไป ช่วงที่ยังเป็นทารกก็เกิดสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นอีกครั้ง โดยมีงูใหญ่มาขดตรงเปลและมอบลูกแก้วสีประหลาดไว้ที่ฝ่ามือทารกน้อย ซึ่งเป็นลูกแก้วคู่บารมีของหลวงปู่ทวด ต่อมาปัจจุบันเก็บไว้ที่กุฎิเจ้าอาวาสวัดพะโคะ พออายุได้ 15 ปีหลวงปู่ทวดบวชเป็นสามเณรที่วัดกุฎิหลวง (วัดดีหลวง) แล้วไปศึกษามูลกัจจายน์ที่วัดสีหยัง (วัดสีคูยัง) กับพระอาจารย์ที่มาจากกรุงศรีอยุธยาจนเชี่ยวชาญจากนั้น จึงไปศึกษาต่อที่วัดสีมาจังหวัดนครศรีธรรมราช จนอายุครบบวชจึงอุปสมบทที่พระอุโบสถน้ำกลางคลองแห่งหนึ่งต่อมาเรียกว่า "ท่าแพ" ได้รับฉายา "สามีราโท" ชาวบ้านเรียกว่า "สามีราม" เหตุอัศจรรย์อีกประการ เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่หลวงปู่ทวดเดินทางไปกรุงศรีอยุธยาเพื่อศึกษาต่อโดยอาศัยเรือสำเภาเผอิญเสบียงอาหารและน้ำจืดหมดเมื่อท่านหย่อนเท้าจุ่มน้ำทะเลน้ำบริเวณนั้นก็เกิดแสงโชติช่วงและกลายเป็นน้ำจืดสำหรับดื่มกินได้จนถึงกรุงศรีอยุธยา จึงได้รับฉายาว่า "หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด" 
หลวงปู่ทวดมาจำพรรษาที่วัดราชานุวาสมีอยู่ครั้งหนึ่งทางประเทศลังกาส่งคำท้ามายังพระเจ้าเอกาทศรถแห่งประเทศสยามเพื่อแปลพระคัมภีร์โดยมีการเอาเมืองเป็นเดิมพันปรากฎว่าหลวงปู่ทวดสามารถแปลพระคัมภีร์ได้จึงเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา ของพระเอกาทศรถและประชาชนทั้งหลาย ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระราชมุนีสามีรวมคุณูปรมาจารย์ ต่อมาเรียกสั้นสั้นว่า สมเด็จพระโคะ ท่านได้เทศน์และแสดงธรรมะพร้อมช่วยเหลือราษฎรที่เจ็บป่วยมาโดยตลอด ในที่สุดจึงลากลับบ้านเกิดจำพรรษาที่วัดเขาพิเพชรสิงห์หรือวัดพะโคะ ท่านได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามจนเสร็จสมบูรณ์ หลวงปู่ทวดมรณภาพณวัดช้างให้และมีการประชุมเพลิง ณ ที่นั่นวัดช้างให้ จึงกลายเป็นสังเวชสถานหรือมรณภูมิของหลวงปู่ทวด มีเขียนบรรจุอัฐิของหลวงปู่ทวดเผื่อไว้สักการะบูชาจนถึงปัจจุบัน